เริ่มต้นกับชิชา สัญลักษณ์ของที่นี่
ต่อกันด้วยถ้ำ ความยาว 5 กิโล ความสวยงามก็งั้นๆ นะ แต่ว่าการจัดการดีมากทีเดียว เป็นถ้ำที่เดินสบายมาก มีทางเดินอย่างดีตลอด 1 กิโลเลยล่ะ
มีปลาด้วยล่ะ ...ปลาๆๆๆ ตลกดีเหมือนกัน อยู่ตรงไหนก็ว่ายตาม อาจจะเป็นเพราะว่ามีคนให้อาหารมั้ง เชื่องมากเชียว
โซนนี้เค้าปลูกสารพัดผลไม้ มีมะเฟือง มะม่วง ฝรั่ง เสาวรส ฯลฯ ขายกันเต็มเลย เราลองซื้อน้ำฝรั่งมาลอง ถูกมากกกกกก แก้วละร้อย(บาท) เท่านั้นเอง ....ฮือ
เดี๋ยวจะหาว่าเมาท์นะคะ เกษตรกรไทยขา มังคุดที่นี่เค้าขายลูกละ 500 เยนค่ะ เอาง่ายๆ ก็เฉียดๆสองร้อยบาทบ้านเราค่ะ แหมดูผิวแล้วถึงใช้ชิมฟรีพี่ไทยอย่างเราก็ขอคิดดูก่อนเนาะ
มาโซนของเหล้าของดองกันบ้าง โอกินาวาที่นี่เค้าก็มีชื่อเสียงไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เพราะที่ญี่ปุ่นนี่เค้ามีเบียร์ท้องถิ่นแทบทุกเมืองเลยละมั้ง อร่อยไม่อร่อยไม่รู้ รู้แต่ว่าลายตาไปหมด เพราะเค้ามีสารพัดเบียร์ เบียร์ขาว เบียร์ดำ ไปจนถึงเบียร์ non แอลกอฮอลล์ ว้าว! จะกินกันเข้าไปทำไมละนั่น
แก้วเป่าก็เป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่ เทคนิคเค้าแจ๋วจริง แล้วก็ราคาก็ไม่แพ้กัน ตกใบละเป็นพันแทบทุกชิ้นเลยค่ะ
เค้าททำโชว์กันจะจะเลย บิวท์เสร็จก็มีร้านขายข้างหน้า เรียกว่าไม่ให้กระเด็นเลย
อันนี้ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์งู แต่ว่าเป็นเหล้าดองงู ของขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่ ที่ถามชาวโอกินาวาเกือบๆ ร้อยเปอร์เซนต์ ส่ายหัว บอกว่าไม่เคยลองเหมือนกัน (อ้าว!?) ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นของขายนักท่องเที่ยว (ซะงั้น)
เหล้า ฮาบุอาวาโมริ เป็นเหล้าดีกรีสูง น้องๆ เหล้าขาวไทย จริงๆก็ประมาณเดียวกันแหละ
สำหรับนักท่องเที่ยวผู้มีใจรักความแปลกใหม่ที่อยากจะลองแบบเห็นตัวกันเป็นๆ จะๆแบบนี้ก็สามารถซื้อกลับไปดริ๊งค์กันให้เต็มคราบที่บ้านได้ โดยมีงูฮาบุนอนอ้าปากมองตาปริบๆจากในขวดโหลแบบนี้
แบบนี้ ..... อยากลองเหมือนกัน แต่เท่าที่เช็คดูแล้ว ไม่เห็นมีใครบอกว่าอร่อยดีซักคน ก็เลยไม่รู้ว่าจะลองไปทำไม บางคนบอกว่ากินแล้วแฮงค์ด้วย
No comments:
Post a Comment