Monday, August 17, 2009

Tsu ken island.. เกาะแห่งแครอท

เย้! ในที่สุดก็ได้มาเที่ยวเกาะกะเค้าซะที เดี๋ยวจะหาว่ามาเมืองตากอากาศ แต่ไม่ได้มาทะเล แต่คราวนี้สมหวังดังใจ ด้วยความใจดีของเหล่า host member ของไจก้าที่นี่
เกาะนี้ต้องนั้งรถไปจากโอไอซีประมาณ ชม.นึง ( ชม.ญี่ปุ่นน่ะ เพราะเค้าขับกัน 40-60 กม/ชม เท่านั้น ถ้าเป็นเมืองไทยขับครึ่งชม. ก็ถึงแว้ว) แล้วก็ต้องต่อเรืออีกประมาณ 15 นาที เรียกว่าจากท่าเรือก็เป็นเกาะอยู่ไม่ไกลหรอก
ทริปนี้เกิดขึ้นได้ด้วยความปากไวของเราเอง พอเค้าถามว่าอยากไปไหน ก็เลยบอกว่าอยากไปเที่ยวเกาะ เค้าก็ใจดีจัดให้ วันนี้มีรถมารับ 4 คัน รวม 5 ครอบครัว ลูกเด็กเล็กแดงไปกันเต็ม แต่พวกเราไปกันเจ็ดคนเท่านั้น สนนราคาค่าเรือ+ ค่าอาหาร= 3000 เยน
ทริปนี้ประกอบด้วยคนไทยสี่คน หน้าใหม่สองคือโน๊ตกับอุ เลสลี่ เดวิส และเฮนรี่
นี่ไงแครอท เค้าบอกว่าเกาะนี้คนที่นี่เค้าปลูกแครอทกันเป็นหลัก
ขึ้นจากเรือ ก็มีรถบัสมารับ นั่งปุเลงๆไปอีกประมาณสิบนาทีก็ถึงแว้ว หาดของเรา
หาดที่ว่าเป็นหาดสั้นๆ ยาวประมาณกิโลเดียวเองมั้ง แล้วก็ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง เช่นเก้าอี้ ฯลฯ เพราะฉะนั้นคนญี่ปุ่นบางคนเค้าก็เอาเต๊นท์มากางกันเองเลยนะ แต่ขอบกว่าน้ำใส และทะเลสะอาดมากๆนะตุ้มนะ ไม่ได้มาไม่เป็นไร เที่ยวเผื่อให้แล้วนะ
น้ำที่นี่ใสแจ๋ว ฟ้าก็ใสแจ๋วด้วยเหมือนกัน กว่าเราจะมาถึงก็ประมาณสิบโมงพอดี ร้อนมากๆๆๆๆๆๆ
ที่นั่งเป็นแบบนี้ ไม่ได้อยู่ที่ทะเลนะ จะไปหาดต้องเดินลงไปอีกที แต่ก็ไม่ค่อยอยากลงเพราะร้อนสุดๆไปเลย
ตัดใจลงไปย่ำทะเลโอกินาวาซักหน อย่างว่า ทรายอาจจะสู้บ้านเราไม่ได้ แต่ความสะอาดกินขาด
อย่างนึงที่ค้นพบที่นี่ คือคนที่นี่เล่นน้ำกันไม่กลัวแดดเลยให้ตายสิ
ไม่กลัวมั่งก็ด๊ายยยย
รีบตัดใจถ่ายรูปกันซะให้พอ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง
เพื่อนๆ ลงทะเลกันแล้ว ก็ขอบายดีกว่า เพราะไม่อยากตัวไหม้ ขนาดไม่ลงนะเนี่ย ไหล่ยังแดงแปร๊ดเชียว
นี่ไงเต๊นท์ที่ว่า เก๋มะ ลายคิตตี้ด้วย คนที่นี่เค้าเที่ยวทะเลต่างจากเราจริงๆนะ ที่เค้าเตรียมมาเองเลยจากบ้านคือคูลเลอร์ เครื่องดื่ม แต่ที่หาดจะมีเตาบาร์บีคิวบริการ แต่บาร์บีคิวริมหาดเค้าก็ไม่ยักมาอาหารทะเลนะ มีหมู เนือ้ ไก่ ไส้กรอก และยากิโซะบะ ทำเอาอกหักอีกแล้ว ฮือๆๆๆ กลับไปกินที่เมืองไทยก็ได้อ่ะ
ชักภาพกับเหล่ากะเหรี่ยงไทยในโอกินาวา (ภาคติดเกาะ)
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความใจดีของชาวโอกินาวา เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำจริงๆ

Wednesday, August 12, 2009

Eco tour VDO

Dear friends,

This is ur VDO! Let's enjoy

Sorry.. I have not much time to edit

Nong

My first VDO

Spot of JICA

Happy Mother's Day ka

Love...love naka
see u soon ka
Nong

Sunday, August 9, 2009

Okinawa World Cave Park

รอมานานแล้ว สำหรับ โอกินาวาเวิร์ล เรียกว่าที่นี่เป็นศูนย์รวมของดีทุกอย่าง ทั้งศิลปวัฒนธรรม ของโอทอปของโอกินาวา เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียวเหมือนได้เที่ยวทั้งโอกินาวาเลยล่ะ จริงๆแล้วการเดินทางค่อนข้างยุ่งยากแล้วก็แพง แต่คราวนี้โชคดีไจก้าเค้าจัดให้ งานนี้ก็เลยโชคดีไม่ต้องเสียค่ารถ แล้วก็ค่าตั๋วถูกเป็นพิเศษ เพราะว่ามากันเป็นกลุ่มใหญ่ ก็เลยได้ส่วนลดกันไปตามระเบียบ
เริ่มต้นกับชิชา สัญลักษณ์ของที่นี่
ต่อกันด้วยถ้ำ ความยาว 5 กิโล ความสวยงามก็งั้นๆ นะ แต่ว่าการจัดการดีมากทีเดียว เป็นถ้ำที่เดินสบายมาก มีทางเดินอย่างดีตลอด 1 กิโลเลยล่ะ
มีปลาด้วยล่ะ ...ปลาๆๆๆ ตลกดีเหมือนกัน อยู่ตรงไหนก็ว่ายตาม อาจจะเป็นเพราะว่ามีคนให้อาหารมั้ง เชื่องมากเชียว
เดินจากถ้ำมาเหนื่อยๆ แวะกินน้ำผลไม้แพงที่สุดในโลกหน่อย....
โซนนี้เค้าปลูกสารพัดผลไม้ มีมะเฟือง มะม่วง ฝรั่ง เสาวรส ฯลฯ ขายกันเต็มเลย เราลองซื้อน้ำฝรั่งมาลอง ถูกมากกกกกก แก้วละร้อย(บาท) เท่านั้นเอง ....ฮือ
เดี๋ยวจะหาว่าเมาท์นะคะ เกษตรกรไทยขา มังคุดที่นี่เค้าขายลูกละ 500 เยนค่ะ เอาง่ายๆ ก็เฉียดๆสองร้อยบาทบ้านเราค่ะ แหมดูผิวแล้วถึงใช้ชิมฟรีพี่ไทยอย่างเราก็ขอคิดดูก่อนเนาะ
มาโซนของเหล้าของดองกันบ้าง โอกินาวาที่นี่เค้าก็มีชื่อเสียงไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เพราะที่ญี่ปุ่นนี่เค้ามีเบียร์ท้องถิ่นแทบทุกเมืองเลยละมั้ง อร่อยไม่อร่อยไม่รู้ รู้แต่ว่าลายตาไปหมด เพราะเค้ามีสารพัดเบียร์ เบียร์ขาว เบียร์ดำ ไปจนถึงเบียร์ non แอลกอฮอลล์ ว้าว! จะกินกันเข้าไปทำไมละนั่น
แก้วเป่าก็เป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่ เทคนิคเค้าแจ๋วจริง แล้วก็ราคาก็ไม่แพ้กัน ตกใบละเป็นพันแทบทุกชิ้นเลยค่ะ
เค้าททำโชว์กันจะจะเลย บิวท์เสร็จก็มีร้านขายข้างหน้า เรียกว่าไม่ให้กระเด็นเลย
อันนี้ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์งู แต่ว่าเป็นเหล้าดองงู ของขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่ ที่ถามชาวโอกินาวาเกือบๆ ร้อยเปอร์เซนต์ ส่ายหัว บอกว่าไม่เคยลองเหมือนกัน (อ้าว!?) ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นของขายนักท่องเที่ยว (ซะงั้น)
เหล้า ฮาบุอาวาโมริ เป็นเหล้าดีกรีสูง น้องๆ เหล้าขาวไทย จริงๆก็ประมาณเดียวกันแหละ
สำหรับนักท่องเที่ยวผู้มีใจรักความแปลกใหม่ที่อยากจะลองแบบเห็นตัวกันเป็นๆ จะๆแบบนี้ก็สามารถซื้อกลับไปดริ๊งค์กันให้เต็มคราบที่บ้านได้ โดยมีงูฮาบุนอนอ้าปากมองตาปริบๆจากในขวดโหลแบบนี้
แบบนี้ ..... อยากลองเหมือนกัน แต่เท่าที่เช็คดูแล้ว ไม่เห็นมีใครบอกว่าอร่อยดีซักคน ก็เลยไม่รู้ว่าจะลองไปทำไม บางคนบอกว่ากินแล้วแฮงค์ด้วย
ส่วนอันนี้เป้นโรงกลั่นเบียร์ท้องถิ่นของที่นี่ เห้นมะ บอกแล้วว่าที่ไหนๆ ก็มีของท้องถิ่นทั้งนั้นแหละ
ได้ออกมาหน้าตาแบบนี้ แต่เพื่อนบอกว่าไม่อร่อย ขม แหม...ก็เบียร์นี่เนาะ
แวะมาทางนี้มั่งดีกว่า เช่าชุดโอกินาวาใส่ สนนราคา ห้าร้อยเยน ถ่ายคนเดียวเขินเลยชวนเพื่อนมาถ่ายด้วย สมใจละคราวนี้
ไฮไต! ทักทายกันแบบโอกินาวา กับชุดสาวโอกินาวา เสียดายที่เอสะห้ามถ่ายรูป เพราะโชว์เอสะที่นี่เจ๋งมาก นักแสดงแข็งแรงสุดๆ ยกขาได้สูงมาก แล้วก็กระโดดกันตัวลอยทีเดียว แข็งแรงจริงๆ สมแล้วที่เค้าเรียกเอสะที่นี่ว่าเป็นซูเปอร์เอสะ

Okinawa Prefectural Peace Memorial Museum

ด้วยอุปการะคุณของไจก้า สนับสนุนบัสทัวร์อีกครั้ง กับ โอกินาว่า เวิร์ลและเมโมเรียล ที่นี่เป็นอนุสรณ์ของสงครามโลกครั้งที่สองที่อเมริกันมาทิ้งบอมที่นี่ในปี1945 และมีคนเสียชีวิตกว่า 2 แสนคน (รวมทหารทุกฝ่าย)
ที่นี่ประกอบด้วยโซนพิพิธภัณฑ์ และโซนอนุสรณ์ ซึ่งเป็นแผ่นหินสลักชื่อผู้เสียชีวิตในสงคราม เข้าไปดูนิทรรศการแล้วก็หดหู่ใจจัง มีแต่ภาพสงครามและเหยื่อจากสงคราม ภาพคนญี่ปุ่นตอนนั้นน่าสงสารจริงๆ มีภาพผู้เสียชีวิตด้วย ไม่ว่าประเทศไหน ถ้าผ่านสงครามก็คงบอบช้ำไม่แพ้กัน

ด้านนอกของพิพิธภัณฑ์
พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ติดหาด เนื่องจากเป็นสนามรบจริงที่อเมริกันมาขึ้นที่นี่ ดูในหนังแล้วน่ากลัวมาก ทรายที่นี่ก็เป็นสีดำ ไม่ได้สวยงามตระการตาเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
รายชื่อของเหล่าทหารหาญ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ อเมริกัน ฯลฯ ที่ร่วมรบในครั้งนั้น ตอนเรามายังเห็นทั้งญี่ปุ่น ทั้งอเมริกัน เอาดอกไม้มาเคารพแผ่นป้ายอยู่เลย ไม่ว่าประเทศไหน ถ้าต้องมีสงครามก็คงต้องลงเอยไม่ต่างกัน

Sunset at OIC

เก็บภาพสวยๆมาฝาก บรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินบนเกาะห่างไกล... โอกินาวา
ตามหาพระอาทิตย์มาหลายวัน ไม่ค่อยโผล่ จริงๆแล้ววิวพระอาทิตย์ตกมองจากห้องสวยมาก เพราะจากวิวระเบียงมองเห็นทะเลอยู่ลิบๆ
รูปนี้ถ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เดินกลับจากสถานีรถไฟฟ้า ผ่านสุสานด้วย บรรยากาศดีมาก
แสงสวยจัง พลังธรรมชาตินี่ยิ่งใหญ่มาก จนเราเหลือตัวเล็กนิดเดียว
แสงสีทองทาบหลุมศพ ทางผ่านขึ้นเขาไปโอไอซี

Saturday, August 8, 2009

เอสะ (อีกแล้วครับท่าน! )

มีคนเค้าบอกว่า หน้าร้อน เป็นหน้า high season ของที่นี่ เพราะชาวโอกินาว่าจะมีสารพัดเทศกาลและกิจกรรมแบบไม่หยุดหย่อน รวมถึงที่นี่ด้วย ถนนโคคุไซโดริ ถนนอินเตอร์สุดๆแล้วของที่นี่
และเช่นเคย ที่ขาดไม่ได้ คือการแสดงเอสะแดนซ์ หรือพูดง่ายๆก็คือตีกลองแบบบ้านเรานั่นแหละ เป็นการแสดงท้องถิ่นของที่นี่ เห็นๆเลยว่ารับวัฒนธรรมจากจีนมากันแบบสุดๆ เพราะฉะนั้นมีงานอะไรที ก็เอสะๆๆๆ

แต่เอสะคราวนี้ไม่ธรรมดา เพราะว่าเป็นเทศกาล 10,000 เอสะ คือ จะมีการโชว์เอสะจากทีมต่างๆ รวมกว่าหมื่นคน ความยาว 1.6 ไมล์ตลอดถนนสายโคคุไซ ...ว่าเข้าไปนั่น งานนี้เค้าโชว์กันตั้งแต่บ่ายโมง เรียกว่าไปหาจุดยืน(ตากแดด) เหมาะๆ ปักหลักกันได้เลย เพราะทีมเอสะจะทยอยมาโชว์ตรงหน้าคุณ เวียนไปเรื่อยๆ (ถ้าไม่เป็นลมวูบไปซะก่อน) ก็จะได้ดูเอสะกันอย่างหนำใจเลยล่ะ
แต่ไม่ไหวแล้ว พี่ไทยร้อนมาก พี่ไทยหนีไปหาไอติมอร่อยๆในตลาดกินดีกว่า ไอติมร้านนี้มีรสแปลกๆเยอะเลย รสลูกท้อ รสสตอเบอรี่ รสงาดำ รสคัสตาร์ด ฯลฯ สนนราคา 250 เยน
พี่บิ๊กสั่งไอติมงาดำ ฮ่าๆๆๆ ไม่อร่อยเลย รสชาติเหมือนน้ำงาดำเยาวราชบ้านเรา แต่แข็งเท่านั้นแหละ
อันนี้ของเรา อร่อยจัง รสคัสตาร์ด หอมคาราเมล เนย โออิชิ!
งอแงกินไอติมเสร็จแล้ว ลองพามาดูข้างทางโคคุไซมั่งดีกว่า อันนี้สัตว์ประหลาด คาดว่าน่าจะเป็นสปีชี่เดียวกับปูเสฉวน (แต่ไม่มีเปลือกหอยนะ) ตัวใหญ่มาก ขนาดซักประมาณลูกแตงโมได้ กินผลไม้เป็นอาหาร น่าสงสารอ่ะ โดนเอามาทิ้งไว้ข้างถนนให้คนดู คงร้อนแย่เลย
ข้างถนนก็ยังตีกันอยู่ เอสะ เอาเข้าไป ตีกันเข้าไป กลองน่ะ อันนี้เค้ามาตีโชว์หน้าร้านเครื่องดนตรี เนื่องจากสนับสนุนอุปการณ์การแสดง
อันนี้หน้าป้อมตำรวจ มีรูปผู้ต้องสงสัย ยากูซ่า มาเฟีย มาติดให้ดูพอหายคิดถึง